13 สถานที่ท่องเที่ยวแสนสวยราวกับเทพนิยายในอิตาลี

13 สถานที่ท่องเที่ยวแสนสวยราวกับเทพนิยายในอิตาลี

 

 

จากทะเลสาบใสแจ๋ว หมู่บ้านแสนสวยราวกับภาพถ่ายจากโปสการ์ด ไปจนถึงปราสาทริมหน้าผา อิตาลีมีสถานที่ท่องเที่ยวแสนสวยหลายแห่งที่จะพาคุณหลุดเข้าไปสู่โลกเทพนิยาย บทความนี้เรารวบรวม 13 สถานที่เหล่านั้นมาให้คุณได้ชม

 

San Cassiano, Dolomites

 

 

ในช่วงฤดูหนาวเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นสวรรค์แห่งการเล่นสกี ส่วนในช่วงฤดูร้อนมันเป็นสวรรค์ของนักเดินทางไกล นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นวิวสุดแสนประทับใจของภูเขาโดโลไมท์ซึ่งเป็นฉากหลังของเมืองได้ตลอดทั้งปี บริเวณนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งตั้งแต่อนุสรณ์สถานสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ไปจนถึงถ้ำที่อยู่อาศัยของหมีที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี หรือคุณสามารถใช้เวลาทั้งวันในการเดินไปตามเส้นทางแห่งการทำสมาธิ หรือ Path of Meditation ได้เช่นกัน

 

Gardens of Bomarzo, Viterbo, Lazio

 

 

รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Park of Monsters หรือสวนปีศาจ สวนแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยสถาปนิกท่านหนึ่งที่ได้แกะสลักรูปสัตว์ในตำนาน รวมถึงประติมากรรมที่แปลกประหลาดและน่ากลัวพื่อเป็นเครื่องระบายความโศกเศร้าหลังจากสูญเสียภรรยา จารึกในสวนกล่าวว่าประติมากรรมนี้ถูกออกแบบเพียงเพื่อ "ปลดปล่อยหัวใจให้เป็นอิสระ" ด้วยการออกแบบอย่างไม่มีแบบแผนทำให้ปสถานที่แห่งนี้มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

 

Val d'Orcia, Tuscany





เมื่อพูดถึงเนินเขาทัสคานีคุณอาจนึกถึงภาพของ Val d'Orcia ซึ่มรดกโลกที่มีภูมิทัศน์ที่ห่างไกลและซึ่งเต็มไปด้วยหมู่บ้านที่สวยงามราวกับภาพถ่าย รวมถึงปราสาทและป้อมปราการโบราณ นอกจากนั้นทัสคานียังเป็นภูมิภาคที่โด่งดังในเรื่องของไวน์ ดังนั้นเมื่อเดินทางมาที่นี่ อย่าพลาดการชิมไวน์และเยี่ยมชมไร่องุ่น


Cascate delle Marmore, Umbria



 

นี่เป็นน้ำตกมนุษย์สร้างที่สูงที่สุดในโลกโดยฝีมือของชาวโรมันโบราณ สามารถเปิดและปิดน้ำได้ โดยปกติน้ำตกจะเปิดเวลาเที่ยงวันและ 4 โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะไปชมน้ำตก ระหว่างนั้นอย่าลืมมองหาสายรุ้ง Marmore ปรากฏการณ์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้จิตรกรและกวีตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา หากชมวิวสวยๆแล้วยังไม่จุใจ ที่นี่นี้ยังมีบริการล่องแก่งสำหรับท่านที่รักการผจญภัยอีกด้วย


Giardino di Ninfa, Lazio

 

 

ครั้งหนึ่งเมือง Ninfa เคยเป็นเมืองในยุคกลางที่คึกคัก แต่ชาวบ้านทิ้งเมืองแห่งนี้ไปหลังจาก 2-3 ทศวรรษที่ยากลำบาก นำมาซึ่งการต่อสู้ภายในและการระบาดของโรคมาลาเรีย ในปี 1900 สถานที่แห่งนี้ได้รับการค้นพบและเปลี่ยนโฉมใหม่อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมพรรณไม้ที่ล้อมรอบด้วยซากปรักหักพังและข้ามคูเมืองเพื่อสำรวจภายในของปราสาทได้ คุณจะต้องจองทัวร์ล่วงหน้าเพื่อชมสวนแห่งนี้เพราะเวลาเปิดทำการค่อนข้างจำกัด แต่ก็คุ้มค่าถ้าได้ไปเยือน

 

Alberobello, Puglia

 



อาคารทรงกรวยเหล่านี้เรียกว่า 'trulli' พวกมันอาจมีรูปร่างเหมือนบ้านภูตในเทพนิยาย แต่ความจริงแล้วมันถูกใช้เป็นบ้าน ร้านค้า และร้านอาหาร นักท่องเที่ยวสามารถเลือกพักค้างคืนที่นี่ได้ด้วย แต่เดิมอาคารเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากบ้านเรือนปกติเพื่อหลบเลี่ยงภาษี เนื่องจากบ้านที่สร้างโดยไม่ใช้ปูนจะได้รับการยกเว้นภาษีครัวเรือน ตอนนี้พวกมันกลายเป็นมรดกโลกของยูเนสโก ถ้ามาเที่ยวที่นี่คุณสามารถศึกษาประวัติศาสตร์และขอข้อมูลการท่องเที่ยวได้ที่ Museo del Territorio trulli อาคารที่ประกอบด้วย trulli 10 หลังรวมกัน

 

Castello Scagliero, Lake Garda

 

 

ปราสาทสมัยศตวรรษที่ 12 ซึ่งสร้างขึ้นครั้งแรกในฐานะป้อมปราการสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบการ์ดาในขณะที่ตัวปราสาทเองก็งดงามเหมือนภาพวาด สะพานชักที่โอ่อ่าของป้อมปราการทะเลสาบยังทำหน้าที่เป็นทางเข้าเมือง Sirmione อีกด้วย



Civita di Bagnoregio, Lazio

 

 

เมืองบนยอดเขาแห่งนี้ดูงดงามตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีหมอกลงในตอนเช้าหรือตอนหมอกค่อยๆจาง เมืองแห่งนี้ที่มีคนอาศัยอยู่ครั้งแรกเมื่อ 2,500 ปีก่อน ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในอิตาลีในชื่อ 'เมืองใกล้ร้าง' หลังจากเกิดแผ่นดินไหวทำให้สถานที่ราชการและผู้อยู่อาศัยจำนวนมากต้องย้ายออกไป เพราะหน้าผาที่พังทลายลงส่งผลให้มีความเสี่ยงที่เกาะจะจมลงเช่นกัน ทุกวันนี้มีผู้อยู่อาศัยเพียงไม่กี่ครัวเรือนซึ่งส่วนใหญ่อาศัยในเขตเมืองและใช้เป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์หรือเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เมืองแห่งนี้ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนเมืองยุคกลางในอดีตไม่เปลี่ยนแปลง

 

Isola di Loreto, Lake Iseo

 

 

Iseo ทะเลสาบที่เคยถูกมองข้ามกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆจากนักท่องเที่ยว กลางทะเลสาบมีเกาะ Isola di Loreto ซึ่งเดิมทีเป็นเกาะคอนแวนต์ ปัจจุบันเป็นสมบัติของเอกชนดังนั้นจึงไม่สามารถเข้าไปชมข้างในได้ ทำได้แค่ชมจากห่างๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามภูมิภาคนี้ก็คุ้มค่าที่จะไปเยือน เพราะมีภูเขา มีเมืองเล็ก ๆ และเกาะ Monte Isola ซึ่งเป็นเกาะทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลีที่ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเยี่ยมชมโบสถ์หรือดื่มด่ำกับอาหารทะเลสดใหม่ที่ร้านอาหารมากมาย

 

Lake Carezza, South Tyrol

 


Carezza ในภาษาท้องถิ่นแปลว่า 'The Rainbow Lake' หรือทะเลสาบสายรุ้ง ตามตำนานกล่าวว่าทะเลสาบแห่งนี้ถูกสร้างโดยนักมายากลที่ขว้างสายรุ้งและอัญมณีลงไปในน้ำเพื่อล่อลวงนางเงือก สีสันที่เปล่งประกายของทะเลสาบตัดกับฉากหลังของภูเขาจะทำให้คุณเชื่อว่าบางทีตำนานอาจเป็นจริงก็ได้

 

Castello de Venere, Erice, Sicily

 

 

 

ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปยังป้อมปราการที่สร้างสูงขึ้นไป 750 เมตรเหนือ Trapani เพื่อชมทิวทัศน์อันน่าทึ่ง ครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้เคยเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาวีนัส และยังถูกใช้เพื่อเป็นเกียรติแก่เทพเจ้าแห่งชนชาติต่างๆ ที่ตั้งรกรากอยู่ในเกาะซิซิลี ชมเมฆวนที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ 'จูบของวีนัส' นอกจากนี้ส่วนที่เหลือของเมืองบนยอดเขายังคุ้มค่าแก่การเยี่ยมชมด้วยประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมและถนนที่เงียบสงบ

 

Necropoli Pantalica, Syracuse, Sicily

 


ขณะพักผ่อนในซิซิลี เยี่ยมชมหลุมฝังศพที่ให้บรรยากาศชวนตื่นตะลึง 5000 หลุม ที่เจาะเข้าไปกลางหน้าผา หากคุณต้องการความสงบและหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวแออัดในเมือง คุณสามารถขึ้นไปบนเขาเพื่อสำรวจถ้ำและเล่นน้ำในแม่น้ำกลางหุบเขาได้

 

Isola Bella, Lake Maggiore

 

 

Isola Bella ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่สวยงามเพราะเป็นที่ตั้งของพาลาซโซ่ (บ้านหรูคล้ายพระราชวัง) ที่หรูหรา ตกแต่งด้วยหิน เปลือกหอย และสถาปัตยกรรมภายในที่งดงาม ล้อมรอบด้วยสวนที่มีมนต์ขลังพร้อมทิวทัศน์ทะเลสาบ

 


ที่มา  https://www.thelocal.it/20170714/magical-places-travel-italy-locations-belong-in-a-fairy-tale-stunning-photography

 




จองโรงแรม

 Booking.com