ข้อควรรู้ก่อนเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์: ประเทศเล็กๆ ในยุโรปที่สวยงาม ประเทศขอบฟ้าที่คลุมครอบด้วยภูเขาและสวยงามสวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป แม้จะไม่มีชายฝั่งเป็นทะเล แต่มีทัศนียภาพเงามแห่งภูเขาที่สวยงามที่เต็มไปด้วยความสงบ และเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ก่อนที่จะออกเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ ขอให้เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม และเรามาดูสิ่่งที่คุณควรรู้ก่อนเริ่มทริปแสนสนุกนี้:
1. ฤดูกาลและเวลาที่เที่ยวที่เหมาะ
สวิตเซอร์แลนด์มี 4 ฤดูกาล: ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูหนาว, และ ฤดูใบไม้ร่วง ที่แตกต่างกันไป
- ฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นเปรียบเสมือนในเดือนเมษายนและสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มเย็นและดีมากในฤดูนี้.
- ฤดูร้อน จะมีฝนหรือแดดเป็นส่วนมาก แต่ไม่ร้อนมากเกินไป
- ฤดูหนาว จะมีหิมะค่อนข้างหนาและมีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับหิมะมากมาย การติดตามพยากรณ์อากาศเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประมาณว่าในแต่ละวันนั้นจะมีอากาศดีแค่ไหน นั่นเองเอง
ซึ่งก็คือ สวิตเซอร์แลนด์นั่นเป็นประเทศที่มีประเทศที่มีหลายลักษณะภูมิประเทศ และมีสภาพอากาศที่หลากหลาย ในปกติ, อากาศเย็นสบายและมีอุณหภูมิปานกลาง ในฤดูร้อนจะมีอากาศอบอุ่นที่น่าสนุก แต่ให้ระวังช่วงฤดูหนาว เพราะมีหิมะตกมาก โดยเฉพาะบนภูเขาสูง อย่าลืมปรับตัว และเตรียมเสื้อผ้าที่สามารถให้ความอบอุ่นได้ดี ก่อนจะออกไปท่องเที่ยงในสภาพอากาศเย็นนะคะ
หากต้องออกทริปสวิตเซอร์แลนด์ การเข้าใจสภาพภูมิประเทศและอากาศในที่นี้ก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆนั่นเอง โดยรวมแล้วสวิสคือประเทศที่น่าสนุกทุกฤดูกาล แต่ควรระวังสภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวที่หนามากและหิมะปกคลุมภูเขาเป็นพิเศษ หากศึกษาดูสถานการณ์ของอากาศขณะเดินทางไปด้วย ก็จะทำให้ทริปของคุณเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเองค่ะ!
2. เวลา (Time Zone)
เขตเวลามาตรฐานคือ UTC/GMT +1 ชั่วโมง ซึ่งจะช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง
3. ภาษา
ชาวสวิตเซอร์แลนด์มีภาษาที่ใช้สื่อสารเป็นภาษาราชการถึง 4 ภาษาด้วยกัน คือ ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอิตาเลียน และภาษาทีชิโน ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่หากเป็น 4 ภาษาข้างต้นจะสื่อสารได้สะดวกกว่านั่นเองค่ะ
4. อัตราการแลกเงิน
สกุลเงิน คือ สวิสฟรังก์ (Swiss Franc) อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 34-35 บาท ต่อ 1 สวิสฟรังก์ (ขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท)
ค่าครองชีพในสวิสฯ ถือว่าแพง ดังนั้นหากเดินทางด้วยตัวเอง ควรเตรียมเงินไปให้เพียงพอ แต่ถ้าไม่พอสามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายเงินได้ และเงินยูโรก็ใช้ได้ตามร้านค้าใหญ่ๆ ขอแนะนำให้แลกเงินฟรังก์สวิสไปจากเมืองไทยจะง่ายกว่า จะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่า เงิน 1 CHF มีค่าประมาณ 33-34 บาท นอกจากนี้ บัตร ATM ที่มีเครื่องหมาย Plus หรือ Cirrus ก็สามารถกดเงินสดเป็นฟรังก์จากตู้ได้เช่นกัน แต่จะมีค่าบริการครั้งละ 100-150 บาท
5. ปลั๊กไฟ
ปลั๊กไฟในสวิตเซอร์แลนด์เป็นไฟ 220 โวลต์เหมือนเมืองไทย ใช้ช่องเสียบแบบขากลม 3 ขา หากเรามีแบบกลม 2 ขาสามารถเสียบใช้ได้เลย หากไม่มีควรเตรียมปลั๊กแปลงไฟไปด้วยนะคะ
6. เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
แนะนำว่าให้ดูตามฤดูกาลที่เราจะเดินทางไปค่ะ คือ
ฤดูหนาว: ช่วงเดือน ธันวาคม - กุมภาพันธ์ | อุณหภูมิ -7 ถึง 7 องศาเซลเซียส | อากาศหนาวเย็น หลายพื้นที่มีหิมะปกคลุม เหมาะสำหรับคนที่อยากไปเห็นหิมะ | เสื้อผ้าที่แนะนำว่าควรมี คือ ชุดลองจอห์นแบบหนา เสื้อคลุมแบบหนา ควรมีแจ็คเก็ตที่กันน้ำจากหิมะได้ ถุงมือ ถุงเท้า หมวกไหมพรม รองเท้าบูทหรือรองเท้าที่กันหิมะได้
ฤดูใบไม้ผลิ: ช่วงเดือน มีนาคม - พฤษภาคม | อุณหภูมิ 3 ถึง 7 องศาเซลเซียส | อากาศเย็นกำลังดี เหมาะสำหรับคนที่อยากไปสัมผัสอากาศเย็นสบายในแถบยุโรป | เสื้อผ้าที่แนะนำว่าควรมี คือ เสื้อแจ็คเก็ต หรือสเว็ทเตอร์ หรือคาร์ดิแกน ผ้าพันคอ กางเกงขายาว ถุงเท้า รองเท้าหุ้มส้น
ฤดูร้อน: ช่วงเดือน มิถุนายน - สิงหาคม | อุณหภูมิ 18 ถึง 28 องศาเซลเซียส | อากาศช่วงนี้จะใกล้เคียงกับบ้านเราที่สุด จะเย็นกว่าบ้านเรานิดหน่อย จึงอาจไม่ต้องเตรียมตัวกับเสื้อผ้ากันหนาวมากนัก จึงสามารถเลือกเสื้อผ้าแฟชั่นได้หลากหลาย และช่วงเวลาแบบนี้จะสามารถออกไปทำกิจกรรมข้างนอกได้หลากหลายกว่า
ฤดูใบไม้ร่วง: ช่วงเดือน กันยายน - พฤศจิกายน | อุณหภูมิ 8 ถึง 16 องศาเซลเซียส | ช่วงนี้จะเป็นเวลาที่ใบไม้เปลี่ยนสี อากาศอาจเปลี่ยนแปลงบ่อย และอาจเจอฝนตกบ้าง ต้องดูพยากรณ์อากาศ แต่รับรองได้รูปต้นไม้เปลี่ยนสีสวยๆ กลับมาแน่นอน | ควรมีร่ม เสื้อกันฝน รองเท้าบูท เตรียมไว้เผื่อเจอฝนตก\
7. การเดินทาง
เรื่องการเดินทางในประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีความสะดวกสบาย เพราะมีเครือข่ายถนนและทางรถไฟครอบคลุมแทบทุกพื้นที่ และเพียงพอ โดยรถไฟสาธารณะมีจุดจอดรับส่งผู้โดยสารมากถึงสองพันกว่าจุดทั่วประเทศ หากต้องการเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ด้วยตัวเอง สามารถซื้อตั๋วรถไฟเป็นแพ็คเกจตามจำนวนวันที่ต้องการได้
หากต้องการเดินทางในสวิสแบบง่ายๆ แนะนำให้เลือกเดินทางโดยรถไฟ เป็นหลัก เพราะสะดวกสบายและยังแระหยัดมากๆอีกด้วย ซึ่งรถไฟในสวิสมีหลายประเภทด้วยกัน เช่น IC, ICN > IR > RE > R,S Bahn เป็นต้น
นอกจากนี้ รถไฟของสวิสยังได้แยกชนิดของรถไฟต่างๆไว้หลากหลาย สิ่งเดียวที่เราจะสามารถเดินทางได้อย่างประหยัดที่สุดคือ การใช้บัตรสวิสพาส (Swiss pass) นั่นเองค่ะ ซึ่งแนะนำว่า ควรจะรีบซื้อ Swiss Pass ล่วงหน้า เพราะจะสามารถเดินทางได้ทั้งรถไฟ รถบัส เรือได้ฟรี รวมทั้งเป็นส่วนลดขึ้นเขาได้ถึง 25-50 % ที่สำคัญหาซื้อได้ง่ายๆ อีกด้วยค่ะ
8. ที่พัก
เมื่อวางแผนทริปสวิตเซอร์แลนด์ อย่าลืมสถานที่ที่ต้องการจะพักนะคะ เพราะที่พักในประเทศนี้อาจจะแพงกว่าหลายๆประเทศ เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงของสวิตเซอร์แลนด์นั่นเองค่ะ
หริ่นเลยขอแนะนำว่า ให้จองที่พักล่วงหน้าก่อนเริ่มเดินทาง นอกจากจะได้ห้องพักในราคาประหยัดแล้ว การจองล่วงหน้ายังช่วยให้เราได้เลือกที่พักในทำเลที่ดีด้วยค่ะ
แต่หากวางแผนเที่ยว เน้นเดินทางด้วยรถไฟ แนะนำให้หาโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟหลักในแต่ละเมือง เพราะจะทำให้คุณสะดวกมาก เดินทางแค่ 5-10 นาทีเท่านั้นจากโรงแรมก็ถึงสถานทีรถไฟแล้ว หรืออาจจะพักที่สถานที่ที่อยู่บนเส้นทางรถเมลล์วิ่งผ่านได้ การวางแผนการเดินทางในสวิตเซอร์แลนด์ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนที่พักบ่อยค่ะ คุณสามารถเลือกพักในเมืองใหญ่ๆ เพียง 2-3 แห่งแล้วสามารถสำรวจเมืองที่ติดกันได้อย่างสะดวกสบายเลยค่ะ ตัวอย่างเช่น ซูริค, ลูเซิร์น, เบิร์น, หรือโลซานน์ ที่เหมาะแก่การเดินทางไปยังเมืองอื่นๆ และเมืองเหล่านี้สามารถเดินทางไปยังเมืองข้างเคียงได้อย่างสะดวก บางวันอาจจะต้องการสัมผัสบรรยากาศของเมืองเล็กๆ ก็สามารถเพิ่มเส้นทางลงไปในแผนเที่ยวได้ เช่น อินเทอลาเคน หรือเซอร์แมท
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกพักในหมู่บ้านหรือพื้นที่ชนบทเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติและบรรยากาศอันสวยงามรอบๆได้อย่างใกล้ชิด และอย่าลืมว่าส่วนใหญ่ของโรงแรมในสวิตเซอร์แลนด์จะมีอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์รองรับด้วย ซึ่งรวมถึงกาแฟและขนมปัง, เนย, แยม, ไข่ต้ม, แฮม, ไส้กรอก, และชีส รวมถึงอาหารเช้าผสมผสานด้วยผลไม้และผัก ซึ่งหริ่นแนะนำให้ทานอาหารเช้าที่โรงแรมให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางค่ะ เพราะบางวันร้านอาหารข้างนอกอาจจะยังไม่เปิดให้บริการในช่วงเช้านั่นเองค่ะ
9. อาหารและรสชาติท้องถิ่น
เมื่อคุณมาถึงสวิตเซอร์แลนด์ อย่าลืมลิ้มรสชาติอาหารท้องถิ่นที่นี่! นมและชีสของสวิตเซอร์แลนด์มีเสน่ห์แบบไม่เหมือนใคร และคุณควรลองอย่างมาก แบบที่เรียกได้ว่า พลาดไม่ได้ค่ะ
อาหารสวิตเซอร์แลนด์มักมีส่วนผสมหลักที่ทำมาจากนมเนยและวัตถุดิบธรรมชาติ และหริ่นเชื่อว่าทุกๆคนที่มาเยือนสวิส จะต้องหลงรักช็อคโกแลตสวิตเซอร์แลนด์ที่เข้มข้นและคุณภาพดีมากอย่างแน่นอน และถือเป็นหนึ่งในของฝากที่ควรซื้อกลับไปฝากเพื่อนๆและครอบครัวอย่างมากค่ะ
อาหารสวิตเซอร์แลนด์ที่ควรลองมีอยู่หลายอย่างเลยหละค่ะ เช่น ฟงดูว์ชีส (Cheese Fondue) ที่เป็นอาหารพื้นเมือง หรือโรสตี (R?sti) ซึ่งเป็นมันฝรั่งหั่นฝอยผสมกับชีสที่ละลายแล้ว ไหนจะเหล่าขนม Basler Leckerli ของเมือง Basel ก็เหมาะสำหรับคนที่ชอบความหวาน แต่ถ้าหากชอบเนื้อย่าง หริ่นแนะนำว่า ให้ลอง Zีurcher Geschnetzeltes ค่ะ (เนื้อลูกวัวย่าง) บอกเลยว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ แล้วก็อีกอย่างที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือ อย่าลืมชิมพายตับบดหรือพายเนื้อบด (Luzerner Chugelipastete) ด้วยค่ะ
หากมาเยือนที่สวิตเซอร์แลนด์แล้ว เราจะพบแต่รสชาติที่เต็มไปด้วยคุณภาพและการสร้างสรรค์ อีกทั้งการได้เที่ยวชิมอาหารท้องถิ่นนี้ก็ถือเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์การท่องเที่ยวในสวิสค่ะ!
*น้ำดื่มในสวิสฯ มีราคาแพงมาก สามารถดื่มน้ำจากน้ำพุหรือก็อกน้ำได้ฟรี แนะนำว่าพกขวดเปล่าไปเติมจะช่วยประหยัดได้มาก แต่ต้องสังเกตดูด้วยว่า ถ้าหากมีเครื่องหมาย X คือดื่มน้ำจากก็อกนั้นไม่ได้
10. โทรศัพท์และการเชื่อมต่อ
ค่ายโทรศัพท์ที่แนะนำเวลาที่มาเที่ยวที่สวิส คือ SWISSCOM. ค่ะ ซึ่งร้าน Swisscom Shop นั่นเปิดเพื่อบริการการสื่อสารทุกประเภท, รวมถึงการจำหน่ายซิมการ์ดและบริการอินเทอร์เน็ต หลากหลายแบบ ถ้าเที่ยวอยู่ในสวิสเซอร์แลนด์ในระยะยาว หริ่นแนะนำว่า SWISSCOM เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ
แต่จริงๆแล้วซิมการ์ดจากค่ายโทรศัพท์ในไทยที่ก็สามารถนำมาใช้ในสวิตเซอร์แลนด์และประเทศยุโรปอื่นๆได้เช่นกันค่ะ อย่างเช่น Sim2Fly, TravelSIM, และ GOinter ทุกๆท่านสามารถเลือกใช้ซิมการ์ดใดก็ได้ หาเลือกซื้อจากไทย หรือจะไปเลืกซื้อที่สวิสก็ได้เช่นกันค่ะ นอกจากนี้ก็ยังสามารถแชร์สัญญาณให้เพื่อนๆร่วมใช้งานได้ แล้วค่อยมาหารค่าใช้จ่ายกันได้ค่ะ ซึ่งถือเป็นวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่ายค่าอินเตอร์เนแตไปได้ค่ะ ซึ่งจะจ่ายประมาณ 50 บาทต่อวัน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการเช่า Pocket Wi-Fi นั่นเองค่ะ
แต่ควรระวังปริมาณ GB ที่จะได้ใช้นะคะ เพราะจะมีข้อจำกัดเล็กน้อย เลยแนะนำตัวเลือกการใช้ซิมเฉพาะผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตไม่มาก แต่ถ้าต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา แนะนำให้เลือก Pocket Wi-Fi จะคุ้มกว่าค่ะ